พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2024 สมโภชพระเยซูจะกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล

           ปีลาตกลับเข้าไปในจวน และเรียกพระเยซูเจ้ามาถามว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านถามดังนี้ด้วยตนเอง หรือผู้อื่นบอกท่านถึงเรื่องของเรา” ปีลาตตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวยิวหรือ ชนชาติของท่าน และบรรดาหัวหน้าสมณะมอบท่านให้ข้าพเจ้า ท่านทำผิดสิ่งใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “อาณาจักรของเรามิได้มาจากโลกนี้ ถ้าอาณาจักรของเรามาจากโลกนี้ ผู้รับใช้ของเราก็คงจะต่อสู้เพื่อมิให้เราถูกมอบให้ชาวยิว แต่อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้” ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นกษัตริย์ใช่ไหม” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์นั้นถูกต้องแล้ว เราเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เรามาในโลกนี้เพื่อเป็นพยานถึงความจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา”
(ยอห์น 18:33ข-37)








วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เด็กที่ฝากผลงานไว้ให้โลก1

Anne Frank
กับไดอารี่ทีทำให้ทั้งโลกต้องหลั่งน้ำตา

             แอนน์ แฟรงค์ เด็กสาวชาวยิว อายุ 13 ปี ผู้ได้รับสมุดไดอารี่เป็นของขวัญวันเกิดในปี ค.ศ. 1942 ท่ามกลางไฟสงคราม ซึ่งในขณะนั้น อดอฟ ฮิตเลอร์ ผู้ปกครองเยอรมันนี ได้ออกนโยบายกำจัดชาวยิว จนกระทั่งครอบครัวแฟรงก์ซึ่งเป็นยิวกลัวภัยอันตรายจึงต้องหลบหนี และได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวหนึ่งให้ซ่อนอยู่ในห้องใต้หลังคานั้น
แอนน์ ได้เล่าเรื่องราวต่างๆ ทั้งความหวาดกลัว ชีวิตความเป็นอยู่ การหลบซ่อน หรือกิจกรรมฆ่าเวลาเพื่อให้ผ่านไปแต่ละวัน โดยที่เธอไม่มีวันรู้เลยว่าบันทึกชีวิตประจำวันของเธอเล่มนั้น วันหนึ่งจะกลายเป็นส่วนสำคัญหนึ่งของประวัติศาสตร์โลก
วันหนึ่ง ทหารนาซีสืบค้นจนพบครอบครัวรวมทั้งตัวเธอ  ทุกคนถูกส่งไปยังค่ายกักกันเอาชวิทซ์ของนาซี ใช้ชีวิตราวนรกบนดิน  ครอบครัวถูกแยกออกจากกัน เด็กและคนแก่ต้องโดนรวมแก๊ซพิษจนตาย แอนน์รอดมาได้เพราะอายุเกินเกณฑ์มาอย่างหวุดหวิด แต่ท้ายที่สุด แม่ พี่สาว และแอนน์ แฟรงค์ก็เสียชีวิตในที่สุด ก่อนทหารอังกฤษจะเข้ามาปลดปล่อยนักโทษได้เพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น พ่อของเธอเป็นคนเดียวที่รอดชีวิต  เขาได้กลับมายังบ้านกระทั่งพบไดอารี่ของเธอและทำการตีพิมพ์หนังสือ ไดอารี่ของแอนน์ แฟรงก์ หลายปีต่อมาหนังสือเล่มนี้ได้รับความนิยมทั่วโลก ในฐานะของหลักฐานที่เล่าถึงเหยื่อการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ที่โด่งดังที่สุดและเป็นวรรณกรรมที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกชิ้นหนึ่ง
นิตยสารไทมส์ ยกให้แอนน์ แฟรงก์ให้เป็น 1 ใน 100 บุคคลสำคัญแห่งศตวรรษที่ 20

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น