หนุ่มบ้านนอกยากจนคนหนึ่งเข้ามาหางานทำในกรุงเทพ
เขาไปสมัครงานเป็นภารโรงในโรงเรียนแห่งหนึ่งแต่กลับถูกปฏิเสธ ด้วยสาเหตุที่ว่า เขาอ่านและเขียนหนังสือไม่ได้ เพราะตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อนเลย
หนุ่มบ้านนอกได้แต่เดินออกจากโรงเรียนที่ตั้งความหวังว่าจะได้งานทำนั้นอย่างเงื่องหงอย เขากลับบ้านนอกด้วยความผิดหวัง
เมื่อกลับถึงบ้านจึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองนั้นเพิ่งได้รับมรดกเป็นที่ดินสวนรกร้างเล็กๆมาจากพ่อผู้ล่วงลับไปแล้วด้วยความเจ็บใจจึงเกิดเป็นแรงมานะ
ให้จับจอบเสียมหักร้างถางพง ที่ดินสวนเก่าที่รกร้างนั้นและค่อย ๆ
พลิกฟื้นลงร่องผลไม้ไปทีละเล็กละน้อยอย่างฮึดสู้ชะตาชีวิต ด้วยความอดทน. . .จนสามารถเก็บเงินซื้อที่ดินในแปลงข้างเคียงขยายอาณาเขตสวนของตนเองกว้างขึ้น...เวลาผ่านไปเขากลายเป็นชายชราที่ร่ำรวย
อยู่มาปีหนึ่งเมื่อขายผลไม้ได้มากมาย ชายชราก็หอบเงินไปที่ธนาคารในตัวอำเภอเพื่อขอเปิดบัญชีกับธนาคารเป็นครั้งแรก
ผู้จัดการสาขาเดินมาต้อนรับลูกค้าใหญ่รายใหม่
อย่างนอบน้อม แล้วยื่นใบเปิดบัญชีพร้อมปากกาปลอกทองให้กับชายผู้ชราอย่างพินอบพิเทา พลางพูดขอให้กรอกใบสมัครให้
ชายชราส่ายหน้าช้าๆยื่นปากกาปลอกทองคืนให้กับผู้จัดการพร้อมกับยิ้มให้
กล่าวว่า
“พ่อหนุ่มช่วยกรอกรายการให้ลุงทีเถิด ลุงอ่านหนังสือไม่ออก
เขียนหนังสือไม่ได้หรอก...
ผู้จัดการรับปากกาคืนมาแบบงงๆพลางถามลูกค้ารายใหญ่อย่างเกรงใจ
“...เอ่อ......พวกเราทราบถึงชื่อเสียงของท่านในกิจการสวนผลไม้....แต่ท่านอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนหนังสือไม่ได้ หรือครับ...”
“...พ่อหนุ่ม” ชายชรายิ้มให้ผู้จัดการสาขาของธนาคารอย่างใจดี “...ถ้าลุงอ่านหนังสือออก และเขียนหนังสือได้น่ะนะ...”
แกถอนหายใจยาวก่อนจะพูดว่า
“...ป่านนี้ ลุงก็คงได้เป็นภารโรงไปแล้วละ...”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น