พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2025 ผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง

          พระเยซูเจ้าตรัสเล่าเรื่องอุปมานี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่นฟังว่า ‘มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร คนหนึ่งเป็นชาวฟาริสี อีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี ชาวฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า” ส่วนคนเก็บภาษียืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ข้อนอก พูดว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” เราบอกท่านทั้งหลายว่าคนเก็บภาษีกลับไปบ้าน ได้รับความชอบธรรม แต่ชาวฟาริสีไม่ได้รับ เพราะว่าผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น’’
(ลูกา 18:9-14)








วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ความถ่อมตนและการแบ่งปัน


 
ที่สนามบินนานาชาติ มีนักธุรกิจสาวบุคลิกดีคนหนึ่ง จำเป็นต้องรอเวลาเครื่องออก อีก 2 ชั่วโมง ในการเปลี่ยนเครื่อง เพื่อไปปลายทาง เธอจึงได้ซื้อหนังสืออ่านเล่น และคุกกี้ 1 ห่อ แล้วก็หาที่นั่งเพื่ออ่านและกินคุกกี้ฆ่าเวลา
เนื่องจากบริเวณที่นั่งรอเครื่องนั้นมีผู้คนมาก เธอจึงมองหาที่นั่ง และเจอที่นั่งที่หนึ่ง เธอสังเกตเห็นว่าข้างๆเธอมีชายหนุ่ม นั่งสบายเหยียดขาอย่างสบายอารมณ์ ไม่สนใจใคร ว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้างๆ เขา แต่เธอก็ได้ไปนั่งที่ข้างๆชายหนุ่มนั่น เนื่องจากไม่มีที่ว่างอื่นๆแล้ว
สักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือ ชายหนุ่มก็หยิบคุ๊กกี้ออกมาจากถุงที่วางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันทีละชิ้น เธอมองด้วยความ งุนงง ปนโกรธ แต่ไม่ต้องการมีปัญหา เธอจึงข่มใจและทำเป็นไม่สนใจ
เธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ารอเวลา ในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอาย กำลังกินคุ๊กกี้เรื่อยๆ เธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า ถ้าหากฉันไม่ใช่คนมีชาติกระกูล และการศึกษาสูงล่ะก็ ฉันจะชกหน้าหมอนี่ให้หายซ่าเลย
ทุกครั้งที่เธอหยิบคุ๊กกี้ขึ้นมากิน ชายหนุ่มก็หยิบมันกินเช่นกัน ทั้งสองสบตากัน เมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย เธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มนั่นจะทำอย่างไร
ชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็นสองท่อน ส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น
เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า ช่างเป็นผู้ชายที่ไร้มารยาทจริงๆ ไร้การศึกษา จะขอบคุณซักคำก็ไม่มี
ต่อมาก็ถึงเวลาขึ้นเครื่อง เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของแล้วเดินไปที่ทางออกขึ้นเครื่อง ไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามองชายหัวขโมย ผู้ไร้มารยาทซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่แล้ว เธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอ่านต่อ ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า ก็พบว่ามีขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อ
เธอตกใจมาก….ถ้าคุกกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ งั้นก็แปลว่าคุ๊กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกิน!!
เธอลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม แต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่า มันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม
ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่อง เธอรู้สึกเจ็บปวดใจ เธอเองนั่นแหล่ะที่ไร้มารยาท เป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง
จะมีซักกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช่อย่างที่เราคิด แต่มันเป็นการเข้าใจผิด
มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่น และเราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเอง ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากนัก
นี่แหละที่ทำให้เราควรต้องคิดทบทวนให้แน่ใจ ก่อนตัดสินผู้อื่น เพราะหลายๆสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ควรมองผู้อื่นในแง่ดี แล้วคอยสงสัยตัวเองว่า
เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง?”
เราได้เคยแบ่งปันอะไรแก่คนอื่นบ้างหรือเปล่า?”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น